วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อรุณรุ่ง ณ ผาชะนะได

.... หลังจากนอนหลับๆ ตื่น ๆ จนกระทั่งตี ๕ ก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเจ้าหน้าที่่คนที่อยากไปรับแสงแรกของพระอาิทิตย์ที่ผาชะนะได 
เรารีบล้างหน้า เตรียมไฟฉาย แล้วออกเดินไปพร้อมกับคนอื่นๆ ไปยังบริเวณผาชะนะได ซึ่งอยู่ห่างจากที่กางเต็นท์เกือบๆ กิโล ด้วยความมืดเราจึงเดินไปอย่างระมัดระวัง 
     สักพักก็ถึงบริเวณผาชะนะได ซึ่งเป็นบริเวณที่ตะวันออกสุดของประเทศไทย พูดง่ายๆ ว่าบริเวณนี้จะเป็นบริเวณที่เห็นแสงแรกของพระอาทิตย์ที่ขึ้นในเมืองไทย ... (การมีโอกาสได้มาเยือนที่นี่สักครั้งในชีวิตก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว) จากนั้นทุกคนก็พากันนั่งบ้าง ยืนบ้าง รออาทิตย์ขึ้น แล้วช่วงที่รอคอยก็มาถึง แสงสีทองค่อยๆ ส่องประกายให้คนที่รอคอยได้ชื่นชม แม้จะไม่กลมโตเป็นไข่แดง แต่ก็สวยโรแมนติกไปอีกแบบ ยิ่งมองเห็นแม่น้ำโขงอยู่ไกลๆ มีม่านหมอกไหลเอื่อยๆ ยิ่งโรแมนติก ทุกคนต่างทอดอารมณ์มองภาพนั้น จนเมื่อแสงแรงขึ้นทุกคนก็รู้สึกตัว ต่างพากันถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นก็เดินทางกลับไปยังที่พัก ทานอาหารเช้า กันนิดหน่อย ก่อนกลับแวะไปทำฝายเล็กๆ กับรองผู้ว่าฯ เมืองอุบลฯ แล้วนั่งรถไปยังจุดนัดหมาย จากนั้นทีมเราก็แยกย้ายจากคณะใหญ่เพื่อไปบันทึกภาพตามที่เราไว้วางไว้ ซึ่งเป้าหมายต่อไปของเราก็คือน้ำตกแสงจันทร์และน้ำตกทุ่งนาเมือง ซึ่งเมื่อไปถึงน้ำมีน้อยเท่าที่เห็นทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่วันก่อนน้ำเพิ่งจะท่วมอุบลฯไปหมาดๆ พอสามารถเดินทางได้เราก็เดินทางไปเลย นึกว่าน้ำจะเยอะกว่านี้ แต่ก็อย่างที่เห็น ....
       สำหรับน้ำตกแสงจันทร์หรือเีรียกอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตกรู เพราะน้ำไหลลงรูมาจากด้านบน พอกระทบแอ่งน้ำด้านล่างกลายเป็นรูปหัวใจสีขาวนวลเหมือนแสงจันทร์ (ซะงั้น) ที่นี่เลยกลายเป็น UNSEEN ของจังหวัดอุบลฯ สวยและแปลกดี ...
       ส่วนน้ำตกทุ่งนาเมืองนั้น เหลือน้ำอยู่นิดเดียวจริงๆ ถ้าเรามาช้ากว่านี้คงจะไม่มีน้ำให้เห็น แต่แม้น้ำจะน้อยแต่ที่นี่มีเถาววัลย์ยักษ์ 
(เป็นเถาของต้นสะบ้า) เขาว่ามีอายุเป็นร้อยปีแล้ว พอไปเห็นมากับตา เออ! มันใหญ่จริงๆ 
       จากนั้นเราไปจบวันนั้นที่แก่งตะนะ ในเขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ซึ่งไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง น้ำยังคงเยอะและไหลเชี่ยว สมชื่อแก่งตะนะจริงๆ  ................ 
       จังหวัดอุบลราชธานียังมีของดีอีกเยอะ ไว้ต่อไปจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น